ตร. เตือนระวัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แกล้งเป็น จนท. หลอกดูดเงิน

ตร. เตือนระวัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แกล้งเป็น จนท. หลอกดูดเงิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจเตือนภัย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ หลอกว่าบัญชีถูกอายัด หรือ เกี่ยวกับผู้กระทำผิด แนะตั้งสติและอย่าหลงเชื่อ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลง หลังจากที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมา

โดยตลอดนั้น ที่ผ่านมาพบว่าได้มีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างตนเองเป็นเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์จากธนาคาร 

หรือ แสดงตนเป็นข้าราชการระดับสูง หรือ นายตำรวจระดับสูง โทรศัพท์หาผู้เสียหาย อ้างว่า บัญชีธนาคารถูกอายัด หรือบัญชีธนาคารของผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น พัวพันกับการจำหน่ายยาเสพติด การค้าของผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ ฯลฯ จากนั้นจะให้ผู้เสียหายแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยโอนเงินในบัญชีธนาคารทั้งหมดมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยข่มขู่ว่าหากไม่โอนเงินมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จะถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินและความผิดอื่นที่มีอัตราโทษจำคุก ทำให้ผู้เสียหายบางคนตกใจหลงเชื่อและพยายามแสดงความบริสุทธิ์ โดยโอนเงินให้กับคนร้าย จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ได้ ทำให้ได้รับความเสียหาย

ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้แถลงข่าวการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ได้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว โดยได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 8 ราย สามารถจับกุมได้แล้ว 5 ราย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ซึ่งกรณีดังกล่าวมีความเสียหายมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องให้เจ้าของบัญชีธนาคารโอนเงินมาให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นบัญชีธนาคารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่อาจใช้อำนาจตามกฎหมายทำการตรวจสอบข้อมูลกับธนาคารหรืออายัดเงินในบัญชีธนาคารดังกล่าว

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนว่า หากได้รับโทรศัพท์แอบอ้างในลักษณะดังกล่าว ควรปฏิบัติดังนี้

1.ตั้งสติ อย่าตกใจ และอย่าหลงเชื่อ

2.สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นให้แน่ชัด และสำรวจว่าตนเองมีความเกี่ยวพันกับเรื่องที่คนร้ายโทรมาหลอกลวงหรือไม่

3.อย่าดำเนินการใด ๆ โดยแจ้งว่าจะติดต่อกลับในภายหลัง และรีบวางสายสนทนา

4.ตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ธนาคารหรือหน่วยงานที่ถูกแอบอ้าง โดยติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานนั้นๆ

หากมีผู้ใดโทรมาสอบถามข้อมูลส่วนตัว ให้คิดไว้เสมอว่าอาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพ และต้องไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใดๆ อย่างเด็ดขาด หากพี่น้องประชาชนพบว่า มีบุคคลอ้างว่าเป็นธนาคาร หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ขอให้ท่านโอนเงินไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 หรือ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ใบไม้พรางตัว คนร้ายคาดไม่ถึง ตำรวจเจอ สงสัยของขลังหล่นตอนวิ่งหนี

คดีแบบนี้ โจรขโมยรถวิ่งหนีเข้าป่า ใช้ใบไม้พรางตัว คาดไม่ถึงตำรวจหาเจอ อ้างตัวเองมีของขลังแต่ทำหล่นกลางทาง ตอนวิ่งหนี วันนี้รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 รายงานว่า เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 26 ต.ค.64 เจ้าหน้าที่สายตรวจ และฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ร่วมกันจับกุม นายยุทธพงษ์ ยิ่งดี อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.800/2564 ลงวันที่ 29 ก.ย.64 ในความผิดฐานยักยอก ในพื้นที่ สน.สายไหม

โดยระหว่างการติดตามจับกุมตัวคนร้ายนั้น ชายคนดังกล่าวได้วิ่งหนีตำรวจข้ามเกาะกลางถนนไปยังหมู่บ้านอนันต์สุขสันต์ รุ่น 18 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร โดยหนีเข้าไปอยู่ในป่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาค้นหาราว 5 นาที ก็ไปพบนายยุทธพงษ์ อยู่ในสภาพนอนนิ่งบริเวณบ่อปลา โดยมีใบไม้แห้งพรางตัวไว้เป็นอย่างดี

นายพัฒนศักดิ์ สุนันท์ ผู้เสียหายซึ่งถูกนายยุทธพงษ์ขโมยรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 125 เล่าว่าตนเองมีอาชีพผู้รับเหมา ส่วนผู้ต้องหาเป็นช่างเชื่อมโลหะที่เข้ามาขอทำงานด้วยเป็นครั้งคราว โดยวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา คนร้ายมาขอยืมรถจักรยานยนต์อ้างว่าเพื่อเดินทางไปฉีดวัคซีน แต่จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สายไหม และให้เพื่อนผู้หญิงที่รู้จักกันทักเฟซบุ๊กไปหาคนร้าย และในวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา คนร้ายได้ติดต่อขอนัดพบกับเพื่อนผู้หญิงที่บ้านย่านพหลโยธิน ตนจึงวางแผนดักซุ่มรออยู่ จนคนร้ายขับรถกระบะสีขาวมาถึง แล้วเกิดไหวตัวทันจึงขับหนี ตนก็พยายามขับรถไล่ตามจนเห็นมาจอดอยู่ข้างถนนเทพรักษ์ เขตบางเขน จู่ ๆ คนร้ายก็ทิ้งรถ แล้ววิ่งเข้าไปในบ้านของคนอื่น เพื่อไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า ระหว่างนั้นตำรวจสายตรวจมาเห็นพอดี จึงได้ปิดล้อมจับกันได้ในที่สุด ภายหลังการสอบสวน นายยุทธพงษ์ คนร้ายอ้างว่า ที่ลงไปนอนแล้วเอาใบไม้มาคลุมตัวไว้ เพราะเชื่อว่าตัวเองนั้นมีของขลัง โดยที่ตำรวจสามารถตามหาตัวเจอนั้นคงเป็นเพราะเครื่องลางหล่นหายตอนวิ่งหนีระหว่างทาง โดยยอมรับแต่โดยดีว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป