จีน ส่ง เครื่องบินรบ รุกน่านฟ้า ไต้หวัน 2 วันติดต่อกัน

จีน ส่ง เครื่องบินรบ รุกน่านฟ้า ไต้หวัน 2 วันติดต่อกัน

สถานการณ์ระหว่าง จีน – ไต้หวัน นั้นยังคงมีความดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดยล่าสุดนั้น เครื่องบินรบ ของทางฝั่งจีนได้ทำการรุกล้ำน่านฟ้าของ ไต้หวันติดต่อกันเป็นเวลา 2 วันได้แล้ว ถือว่าเป็นความท้าทายแรกก็ว่าได้หลังจากการรับตำแหน่งอยย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ที่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งที่คุกกรุ่นต่อเนื่องระหว่าง จีน – ไต้หวัน ซึ่งล่าสุดนี้ทางการจีนได้ทำการส่ง เครื่องบินรบ บินรุกล้ำน่านฟ้าของไต้หวันติดต่อกันเป็นเวลา 2 วันได้แล้ว

โดยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของทางไต้หวันได้กล่าวว่า 

เครื่องบิน 13 ลำของทางการจีนได้ บินเข้ามายังน่านฟ้าทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ของ พื้นที่ระบุป้องกันทางอากาศ (Air Defense Identification Zone – ADIZ) ของไต้หวัน ในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ทางการไต้หวันได้มีการดำเนินมาตรการป้องกัน ที่ก็รวมไปถึงการส่งเครื่องบินรบเพื่อตรวจสอบการบินของทางกองทัพอากาศจีน (PLAAF)

อ้างอิงจากคำกล่าวของ รมว. กลาโหมของไต้หวัน PLAAF นั้นได้ส่งเครื่องบินมาบินรบกวนภายในพื้นที่ ADIZ เมื่อปีที่ผ่านมา เป็นจำนวน 380 เที่ยวบินด้วยกัน

ซึ่งหน่วยงานควบคุมการบินของสหรัฐได้ให้คำอธิบายถึงพื้นที่ดังกล่าวไว้ว่า “ADIZ นั้นคือพื้นที่น่านฟ้าที่อยู่เหนือดินแดน หรือน่านน้ำที่ประเทศนั้นต้องทำการระบุตัวตน, พื้นที่ และการควบคุมการจราจรของเครื่งบินดังกล่าว ที่ถือว่าเป็นความสนใจในทางความมั่นคงของประเทศ”

ขณะที่ “การฝึกซ้อม” ดังกล่าวนี้จะเริ่มมีบ่อยขึ้นในปีที่ผ่านมานั้น แต่ช่วงเวลา และการดำเนินการดังกล่าวที่มักจะใช้งานเครื่องบินรบ (Fighter Jets) และเครื่องบินทิ้งระเบิด (Bombers) ที่มาประจบเหมาะกับในเวลานี้นั้น คาดการณ์ได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณให้ทางสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะรัฐบาลใหม่นี้

ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีนนั้น ได้สาบานไว้ว่าจะไม่ยอมให้เกาะไต้หวันนั้น เป็นอิสระจากประเทศจีน และจะมีการใช้กำลังหากจำเป็น ซึ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ ทางการสหรัฐก็ได้มีการเตือนให้ทางการลดการใช้อำนาจข่มขู่ทางไต้หวัน และให้คำมั่นสัญญาถึงการสนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยของทางไต้หวันด้วย

ก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์นั้น สหรัฐได้มีการดำเนินการให้การสนับสนุนทางความมั่นคงเป็นจำนวนมากให้กับไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดทางในการขายอาวุธ และยุทโธปกรณ์จำนวนมากให้แก่ไต้หวัน ไมว่าจะเป็นเครื่องบินรบ F-16 เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการส่งทูตระดับสูงไปประจำที่ไต้หวันอีกด้วย ซึ่งก็เป็นการสร้างความไม่พอใจให้กับทางการจีนเป็นอย่างมาก

แต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่การดำเนินการของทางสหรัฐเท่านั้น ทางจีนก็ได้มีการดำเนินการคุกคาม และเปลี่ยนแปลงกฎป้องกันชายฝั่งของตัวเองใหม่ เพื่อให้ครอบคุลกับพื้นที่พิพาทจำนวนมากในขณะนี้ ส่งผลให้ไม่ว่าจะเป็นประเทสเพื่อนบ้าน และรวมไปถึงสหรัฐเองก็ได้มีการดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในเวลานี้

ด่วน! ทหาร อินเดีย-จีน ปะทะ รอบใหม่

สื่อในประเทศ อินเดีย รายงานว่าทหารของประเทศ อินเดีย-จีน ปะทะ รอบใหม่ ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 25 มกราคม สำนักข่าว BBC ได้อ้างอิงสื่อในประเทศอินเดียที่รายงานว่า เกิดการปะทะกันระหว่างทหารจีน และ อินเดีย ที่บริเวณทางตอนเหนือของรัฐสิกขิม ประเทศอินเดีย เมื่อช่วงวันที่ 22 มกราคม หรือราวๆ 3 วันที่ผ่านมา

ขณะนี้ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันครั้งนี้หรือไม่ โดยความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติในขณะนี้ถือว่าตึงเครียดเป็นอย่างมาก หลังเหตุปะทะกันของทั้งสองชาติที่ชายแดนแคชเมียร์ จนเป็นเหตุให้มีทหารอินเดียเสียชีวิตอย่างน้อย 20 ศพ เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2563 ที่ผ่านมา ขณะที่ทางการจีนไม่ได้รายงานยอดผู้เสียชีวิต ซึ่งเหตุความรุนแรงครั้งนั้นถือว่าเป็นเหตุการปะทะกันครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี

เมื่อวันที่ 25 มกราคม สำนักข่าว เกียวโด รายงานว่า ยอดขายสิ่งพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราวๆ สามแสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ลดลงเป็นปีที่ 16 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตามจำนวนดังกล่าวถือว่าน้อยลงกว่าปี 2562 เพียงแค่ร้อยละ 1 เท่านั้น ถือว่าเป็นจำนวนการลดลงที่น้อยที่สุด นับตั้งแต่ปี 2549

โดยงานวิจัยชี้ว่าสาเหตุที่จำนวนลดลง มาจากยอดขาย ดาบพิฆาตอสูร หรือ Demon Slayer เล่มสุดท้าย ที่วางจำหน่ายในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งสำนักพิมพ์ระบุว่ายอดขายจากการพิมพ์ครั้งแรกน่าจะอยู่ที่ราวๆ 3.95 ล้านเล่ม และยอดรวมจากทุกแห่งทะลุ 120 ล้านเล่มในช่วงสิ้นเดือน

อย่างไรก็ตามแม้ยอดของสื่อสิ่งพิมพ์จะลดลง แต่ยอดขายของอีบุ๊ค (E-book) โตขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในปีที่ผ่านมา อีบุ๊ค สามารถทำเงินได้มากกว่า 4.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 4.8

คาดว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 น่าจะ ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนมีเวลาและอาศัยอยู่ในบ้านนานขึ้น

ซึ่งทางโฆษกของ WHO ชี้ว่ากฎระเบียบดังกล่าว ระบุว่าให้เลี่ยงในการตั้งชื่อตามภูมิภาคหรือสัตว์ โดยโฆษกระบุอีกด้วยว่าพวกเขาเตรียมจะลดผลกระทบแง่ลบให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ และเลี่ยงดูหมิ่น วัฒนธรรม สังคม ชาติ ภูมิภาค บุคคล สัตว์ และ อาชีพ

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป